28
Aug
รัสเซีย
ระฆังพระเจ้าซาร์ Tsar Bell ระฆังที่ใหญ่ที่สุดในโลก
การสร้างระฆังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อวัฒนธรรมรัสเซียในยุคก่อนอุตสาหกรรม ในจักรวรรดิรัสเซีย ซาร์ทรงสร้างระฆังให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เป็นรูปแบบหนึ่งของการยกย่องชมเชยในหนึ่งเดียวระฆังถูกใช้เพื่อส่งสัญญาณว่ามีบางสิ่งที่สำคัญเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการบอกให้ผู้คนมารวมตัวกันในพิธีทางศาสนา เพื่อประกาศการเฉลิมฉลองและพิธีสำคัญต่างๆ เพื่อแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือเตือนพวกเขาถึงการโจมตีของศัตรู
ระฆังพระเจ้าซาร์ (Tsar Bell) เป็นระฆังที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ตีไม่ดัง เพราะมันแตกร้าวระหว่างกระบวนการหล่อ เป็นระฆังที่มีชื่อเสียงมากในปัจจุบัน มีอีกชื่อหนึ่งว่า ระฆังซาร์โคโลโคล (Tsar Kolokol III ) ตั้งอยู่ที่พระราชวังเครมลิน ในกรุงมอสโกของรัสเซีย ด้วยขนาดความสูงถึง 6.14 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 6.6 เมตร น้ำหนักมากถึง 201,924 กิโลกรัม ลวดลายสลักรอบระฆัง รายละเอียดการตกแต่งภาพนูนต่ำสไตล์บาโรก ( baroque ) ของพระฉายาลักษณ์จักรพรรดินีอันนา อิวานอฟนา และซาร์อเล็กซี ( Empress Anna and Tsar Alexey ) ผู้ปกครองรัสเซีย นอกจากนี้ ซาร์เบลล์ยังแกะสลักภาพพระเยซูคริสต์ พระแม่มารี และนักบุญอุปถัมภ์ของพวกเขาอย่างสวยงามอีกด้วย
ระฆังถูกสร้างขึ้นโดยโองการของจักรพรรดินีแอนนา อิวานอฟนา (Anna Ivanovna) หลานสาวพระเจ้าปีเตอร์มหาราช (Peter the Great) จักรพรรดินีแอนนา ต้องการให้ช่างเครื่องของราชวงศ์ฝรั่งเศสทำระฆัง แต่ถูกปฏิเสธว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างระฆังที่ใหญ่ขนาดนั้น งานนี้จึงถูกส่งต่อให้กับทีมพ่อและลูกชายของช่างฝีมือชาวรัสเซีย Motorin ระฆังใบนี้จึงถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1730
ในการหล่อระฆังนั้น ได้มีการขุดหลุมลึก 10 เมตร อัดด้วยดินเหนียวและผนังเสริมด้วยดินแข็งเพื่อทนต่อแรงกดดันของโลหะหลอมเหลว โลหะจำนวนมากที่นำมาหล่อถือเป็นความท้าทาย นอกจากชิ้นส่วนของระฆังเก่าแล้ว ยังมีการเติมเงินอีก 525 กิโลกรัมและทองคำ 72 กิโลกรัม ลงในส่วนผสมด้วย หลังจากเตรียมการมาหลายเดือน ความพยายามครั้งแรกไม่ประสบผลสำเร็จ โปรเจ็กต์นี้ไม่สมบูรณ์เมื่อ Ivan Motorin ผู้เป็นพ่อได้เสียชีวิตในเดือนสิงหาคมปี 1735 มิคาอิล ลูกชายของเขาทำงานต่อไป ความพยายามครั้งที่สองประสบความสำเร็จในวันที่ 25 พฤศจิกายนปี 1735 เมื่อระฆังเย็นลงขณะยกขึ้นเหนือหลุมหล่อก่อนที่การตกแต่งครั้งสุดท้ายจะเสร็จสิ้น เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ที่เครมลินในเดือนพฤษภาคมปี 1737 ไฟเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วได้ลามไปยังโครงสร้างรองรับไม้สำหรับระฆัง และด้วยกลัวว่าจะเสียหาย เจ้าหน้าที่จึงสาดน้ำเย็นใส่ระฆัง ทำให้เกิดรอยแตก 11รอย และ ส่วนที่แตกใหญ่สุด มีขนาดถึง 10,432.6 กิโลกรัม ไฟลุกไหม้ผ่านฐานไม้ และระฆังก็เสียหายตกลงไปในหลุมหล่อ ซาร์เบลล์ยังคงอยู่ในหลุมมาเกือบศตวรรษ มีความพยายามยกระฆัง ขึ้นแต่ไม่สำเร็จ
นโปเลียน โบนาปาร์ต ระหว่างยึดครองมอสโกในปี 1812 พยายามถอดระฆังออกเพื่อนำกลับไปยังฝรั่งเศส แต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากขนาดและน้ำหนักของมัน จนกระทั่งถึงปี 1836 ระฆังดังกล่าวได้รับการยกขึ้นโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส ออกุสต์ เดอ มงต์แฟร์รองด์ (Auguste de Montferrand ) ระฆังดังกล่าวถูกวางไว้บนแท่นหินขนาดใหญ่จนถึงในปัจจุบัน
ผู้เรียบเรียง : คุณศิริวรรณ ตันเสถียร
ลวดลายสลักรอบระฆัง รายละเอียดการตกแต่งภาพนูนต่ำสไตล์บาโรก ( baroque ) ของพระฉายาลักษณ์จักรพรรดินีอันนา อิวานอฟนา และซาร์อเล็กซี ( Empress Anna and Tsar Alexey ) ผู้ปกครองรัสเซีย นอกจากนี้ ซาร์เบลล์ยังแกะสลักภาพพระเยซูคริสต์ พระแม่มารี และนักบุญอุปถัมภ์ของพวกเขา