28
Aug
รัสเซีย
Faberge Eggs ในประวัติศาสตร์รัสเซีย ใบแรกและใบสุดท้าย
ไข่ฟาบาร์เช่ (Faberge) ฟองแรกของรัสเซีย
The Hen Egg Maria Feodorovna (1885)
ไข่ฟาบาร์เช่ (Faberge) ใบสุดท้าย
Order of St. George Egg (1916) มีความพิเศษในหลายๆ ด้าน ข้อแรกคือ แทนที่จะถูกผลิตด้วยวัสดุมีค่าอย่างเคย Order of St. George Egg กลับใช้โลหะราคาถูกและตกแต่งด้วยวิธีการลงยาสีเท่านั้น เนื่องจากอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 จึงไม่สามารถใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยได้ ข้อสอง Order of St. George Egg เป็นไข่ Fabergé Imperial Easter Eggs ใบสุดท้ายที่พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ได้มอบให้กับพระมารดา ก่อนที่จะเกิดโศกนาฏกรรมไม่คาดฝันขึ้นในปี 1917
surprise ของไข่ใบนี้มีหน้าต่าง 2 บานอยู่ตรงข้ามกันที่สามารถเปิดปิดได้ ด้านในปรากฏภาพเหมือนของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และซาเรวิซอเล็กเซ โดยชื่อ Order of St. George คือยศทางทหารที่พระองค์ได้รับ ไข่ใบนี้จึงเปรียบเสมือนของดูต่างหน้าที่มอบให้กับพระมารดา เก็บรักษาไว้ยามห่างไกลเมื่อพระราชโอรสต้องออกไปทำศึกสงคราม
ท้ายที่สุด เมื่อพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ไม่สามารถจัดการปัญหาทั้งหมดได้ พระองค์จึงถูกรัฐบาลเฉพาะกาลยึดอำนาจและถอดออกจากพระอิสริยยศ ก่อนจะถูกสังหารหมู่อย่างเหี้ยมโหดพร้อมสมาชิกทุกพระองค์ในราชวงศ์และเหล่าข้าราชบริพารผู้ภักดี เป็นการปิดฉากราชวงศ์โรมานอฟผู้ปกครองจักรวรรดิรัสเซียมายาวนานกว่า 300 ปี แม้ความรุ่งเรืองของราชวงศ์โรมานอฟจะกลายเป็นเพียงภาพจำในอดีต แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์และความสวยงามทางศิลปวัฒนธรรมที่หลงเหลือจากวันนั้น ได้ถูกถ่ายทอดและส่งต่อมาจนถึงทุกวันนี้ ในจำนวนทั้งหมดกว่า 50 ใบที่ฟาบาร์เช่ได้สร้างถวายราชวงศ์โรมานอฟ ปัจจุบัน Fabergé Imperial Easter Eggs กลายเป็นของหายากที่มีมูลค่ามหาศาล แม้บางชิ้นอาจสูญหายไปตามกาลเวลา แต่รายละเอียดที่แสนพิถีพิถัน และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรัสเซีย ทำให้ผลงานของ Fabergé ยังคงอยู่และทำให้ใครหลายคนหลงใหลได้อยู่เสมอ ปัจจุบันสถานที่เก็บรวบรวมไข่ฟาบาร์เช่ไว้มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Fabergé Museum ในกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
เกร็ดความรู้
แหล่งข้อมูล เพิ่มเติม
Order of St. George Egg (1916)